ข้อมูลพื้นฐานของการเช่ารถในประเทศญี่ปุ่น (ข้อมูล 11 ข้อที่อยากให้ทราบไว้ล่วงหน้า)

ข้อมูลพื้นฐานของการเช่ารถในประเทศญี่ปุ่น (ข้อมูล 11 ข้อที่อยากให้ทราบไว้ล่วงหน้า)

สำหรับการเช่ารถในประเทศญี่ปุ่นและประเทศนอกญี่ปุ่นนั้น อาจจะมีข้อแตกต่างกันเล็กน้อย เราได้สรุปข้อมูลขั้นพื้นฐานของการเช่ารถที่อยากให้ท่านทราบไว้ล่วงหน้ามาในบทความนี้แล้ว หากอ่านข้อมูลด้านล่างนี้จะสามารถเข้าใจถึงเค้าโครงทั้งหมดของการเช่ารถในประเทศญี่ปุ่นโดยไม่มีหัวข้อไหนตกหล่นไปอย่างแน่นอน

Contents

บริษัทเช่ารถบริษัทใดที่เชื่อถือได้ ? แล้วจะสามารถเช่ารถได้อย่างสบายใจไหม ?
บริษัทเช่ารถขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงจะสามารถใช้บริการได้อย่างสบายใจ

ในประเทศญี่ปุ่นนั้น มีบริษัทเช่ารถจำนวนมากทั้งขนาดใหญ่เล็ก แต่บริษัทเช่ารถขนาดใหญ่ที่ขยายตลาดบริการออกไปทั่วประเทศญี่ปุ่นนั้นมีไม่ถึง 10 แห่ง หากคุณคำนึงถึงคุณภาพของรถเช่า, การตรวจเช็กสภาพรถ หรือการสนับสนุนบริการผู้ใช้แล้วนั้น ก็จะสบายใจมากกว่าเมื่อเลือกใช้บริการบริษัทรถเช่าขนาดใหญ่ อย่างเช่น TOYOTA, NISSAN, NIPPON, TIMES, ORIX และ Budget เป็นต้น ซึ่งบริษัทรถเช่าเหล่านี้มักมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติใช้บริการอยู่เป็นจำนวนมาก จึงมีความคุ้นเคยกับการรองรับชาวต่างชาติเป็นอย่างดีด้วยนั่นเอง (แม้ว่าจะขึ้นอยู่กับสำนักงานที่ให้บริการก็ตาม)

สำหรับที่ Okinawa และ Hokkaido นั้น จะมีผู้ที่ใช้บริการรถเช่าจำนวนมาก จึงมีบริษัทเช่ารถตั้งอยู่ทุกหนทุกแห่ง และยังมีบริษัทที่สามารถเชื่อถือได้อื่น ๆ มากมายแม้ว่าจะไม่ใช่บริษัทรถเช่าขนาดใหญ่ดังที่กล่าวมาข้างต้นด้วย

บางช่วงเวลาจะไม่สามารถจองรถเช่าแบบกะทันหันได้เนื่องจากมีการจองเต็มทั้งหมด (ควรระมัดระวังในช่วงพีคที่มีการจองมาก)

ที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นใน 1 ปี จะมีช่วงเวลาที่มีผู้ใช้บริการรถเช่ามากอยู่ 4 ช่วง ซึ่งช่วงเวลาที่ระบุด้านล่างนี้ จะเป็นช่วงที่ไม่มีรถเช่าเหลืออยู่ในสต๊อก ถ้าคุณทำการเช่ารถอย่างเร่งด่วนในวันก่อนหน้าวันใช้งานจริง จะเป็นไปได้ยากมากที่คุณจะได้รถเช่าตามที่ต้องการแม้ว่าคุณต้องการจะเช่ารถยนต์เพียงใดก็ตาม ซึ่งก็เนื่องมาจากช่วงเวลาดังกล่าวเป็นวันหยุดยาวของชาวญี่ปุ่นนั่นเอง สำหรับผู้ที่มีแผนการจะท่องเที่ยวในช่วงเวลาด้านล่างนี้ ควรทำการจองล่วงหน้าอย่างรวดเร็วด้วย

Golden Week (ต้นเดือนพฤษภาคม)
เทศกาลโอบ้ง (เทศกาลไหว้บรรพบุรุษ) ในฤดูร้อน (กลางเดือนสิงหาคม)
Silver Week (ปลายเดือนกันยายน)
ช่วงสิ้นปี-ปีใหม่ (ปลายเดือนธันวาคม – ต้นเดือนมกราคม)

* โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่ Okinawa, Hokkaido, Fukuoka นั้นจะมีแนวโน้มที่จะมีการจองรถเช่าเต็มในช่วงพีคตามข้างต้น จึงขอให้ระมัดระวังไว้ล่วงหน้า

รถยนตร์สำหรับเช่าในประเทศญี่ปุ่นเกือบ 100% จะเป็นรถยนต์เกียร์ AUTOMATIC

ตราบที่ไม่มีการเขียนระบุไว้ว่าเป็นรถยนต์เกียร์ Manual แล้ว ให้คุณเข้าใจได้เลยว่ารายการรถเช่านั้นเป็นรถยนต์เกียร์ AUTOMATIC อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงแล้วถ้าเป็นกรณีที่เป็นรถสปอร์ตก็อาจจะมีรถที่เป็นเกียร์ Manual อยู่บ้างด้วย แต่นอกเหนือจากนั้น ให้สรุปได้ว่า รถยนต์สำหรับเช่าเกือบ 100% จะเป็นรถยนต์เกียร์ AUTOMATIC ยกตัวอย่างเช่น รถเช่าที่ปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ Tabirai นั้น เป็นรถยนต์เกียร์ AUTOMATIC 100% ทั้งหมด

ค่าบริการเช่ารถนั้นจะชำระที่สำนักงานในวันใช้งานจริง แต่สำหรับค่าธรรมเนียมยกเลิก…!?

ค่าบริการเช่ารถนั้นจะต้องชำระที่สำนักงานในวันรับรถเพื่อใช้งานจริง ยกเว้นในกรณีที่ทำการจองผ่านเว็บไซต์ที่มีฟังก์ชันชำระเงินแบบออนไลน์ได้ แนะนำให้จ่ายค่าบริการโดยใช้บัตรเครดิต

อย่างไรก็ตาม คงมีผู้ที่สงสัยว่า “ในกรณีที่ต้องชำระเงินที่สำนักงานนั้น บริษัทเช่ารถจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมยกเลิกอย่างไรสำหรับกรณีที่ถูกยกเลิกก่อนหน้าวันใช้งานจริง” ในกรณีที่มีกฎต้องชำระเงินที่สำนักงานนั้น ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมยกเลิก (ถึงแม้บริษัทอยากจะเรียกเก็บ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะว่าไม่มีช่องทางเรียกเก็บนั่นเอง) เนื่องจากการเช่ารถนั้นเป็นการบริการที่เกี่ยวข้องกับความน่าเชื่อถือระหว่างบริษัทรถเช่าและผู้ใช้งาน หากคุณทราบแน่ชัดแล้วว่าจะไม่ใช้บริการรถเช่าได้ ก็ควรขอยกเลิกในทันที

* ในกรณีที่ใช้บริการจองโดยชำระเงินผ่านบัตรเครดิตเมื่อทำการจองแบบออนไลน์ จะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมยกเลิกจากบัตรเครดิตที่ได้กรอกไปในตอนทำการจอง

การใช้บริการรถเช่านั้นจะมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ?

ค่าใช้จ่ายที่กำหนดไว้เมื่อทำการเช่ารถ
・ค่าเช่ารถยนต์ * ส่วนใหญ่จะรวมค่าบริการระบบ Navigation ในรถยนต์ด้วย
・ค่าออฟชั่นเสริม (ค่าบริการเบาะที่นั่งสำหรับเด็ก, เบาะที่นั่งสำหรับทารกและค่าเช่าบัตร ETC)
ค่าประกันภัยเสริม (มี 2 ประเภท คือ “免責補償制度” (CDW หรือ Collision Damage Waiver คือระบบยกเว้นการชดใช้ค่าเสียหาย) และ “NOC補償保険” (Non Operation Charge คือ เงินประกันชดเชยค่าเสียหายของรถเช่าในช่วงเวลาที่รถไม่สามารถใช้งานได้เนื่องจากต้องนำไปซ่อมแซมจากการเกิดอุบัติเหตุ ฯลฯ) ค่าใช้จ่ายทั้งสองรายการนี้สำหรับผู้ที่แจ้งความประสงค์เข้าร่วมเท่านั้น)

* ค่าบริการเช่ารถจะไม่เปลี่ยนแปลงไม่ว่าระยะทางที่รถวิ่งจะเพิ่มขึ้นมาเพียงใดก็ตาม ค่าบริการเช่ารถจะเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลาที่ใช้บริการด้วย

ค่าใช้จ่ายในระหว่างใช้งานรถยนต์สำหรับเช่า
・ค่าทางด่วน
・ค่าน้ำมัน

CDW และ NOC คืออะไร ? รายละเอียดของระบบประกันภัยสำหรับรถเช่าในประเทศญี่ปุ่น (ไม่ว่าใครก็เข้าใจได้ทันที)

เรื่องแรกที่อยากให้ทราบไว้ก็คือ ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ที่จะเกิดขึ้นเมื่อประสบอุบัติเหตุใหญ่ที่ญี่ปุ่นจากรถเช่า เป็นส่วนที่จะได้รับการคุ้มครองโดยปริยายจากประกันภัยที่เข้าร่วม หากคุณได้เข้าร่วมประกันภัยขั้นพื้นฐานตอนเช่ารถยนต์ คุณจะไม่ถูกเรียกร้องค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ซึ่งค่าประกันภัยขั้นพื้นฐานนั้นจะรวมอยู่ในค่าเช่ารถด้วย

สมมติว่าในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น จะมีค่าใช้จ่าย 2 อย่างที่ผู้ใช้งานรถจะต้องจ่าย อย่างแรกก็คือ “ค่าชดเชยเพื่อขอไม่รับผิดชอบ (50,000 เยน หรือ 100,000 เยน)” และอีกอย่างก็คือ “เงินชดเชยค่าเสียหายในระหว่างที่รถยนต์ใช้งานไม่ได้” (NOC, 20,000 เยน หรือ 50,000 เยน)” ดังนั้น เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นก็จำเป็นจะต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงสุดถึง 150,000 เยน (ค่าชดเชยเพื่อขอไม่รับผิดชอบ 100,000 เยน + เงินชดเชยค่าเสียหายในระหว่างที่รถยนต์ใช้งานไม่ได้ 50,000 เยน = 150,000 เยน)

อย่างไรก็ตาม คุณจะไม่ต้องกังวล หากได้ตระเตรียมซื้อระบบประกันภัยเสริมที่จะได้รับการยกเว้นทั้ง “免責額 หรือค่าชดเชยเพื่อขอไม่รับผิดชอบ” และ “休業補償費 หรือเงินชดเชยค่าเสียหายในระหว่างที่รถยนต์ใช้งานไม่ได้” เราจะขออธิบายประกันภัยทั้งสองไว้ตามด้านล่างนี้

免責補償制度 (CDW หรือ Collision Damage Waiver / ระบบยกเว้นการชดใช้ค่าเสียหาย)

“免責額 (ค่าชดเชยเพื่อขอไม่รับผิดชอบ)” คือ ค่าใช้จ่ายที่มีความหมายว่า “เมื่อเกิดอุบัติเหตุ บริษัทรถเช่าจะเป็นฝ่ายออกค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ แต่ผู้ใช้บริการเองก็ต้องช่วยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งด้วยเช่นกัน” ซึ่งจะต้องชำระจำนวน 50,000 เยน หรือ 100,000 เยนขึ้นอยู่กับสภาพการณ์ของอุบัติเหตุ แต่ประกันภัยที่จะช่วยให้ไม่ต้องจ่าย “ค่าชดเชยเพื่อขอไม่รับผิดชอบ” นั้น ก็คือ “免責補償制度 (CDW หรือ Collision Damage Waiver)” นั่นเอง หากคุณเข้าร่วมการประกัน “免責補償制度 (CDW หรือ Collision Damage Waiver)” แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าชดเชยเพื่อขอไม่รับผิดชอบ สำหรับการเข้าร่วมประกันภัย “免責補償制度 (CDW หรือ Collision Damage Waiver)” นั้น โดยทั่วไปจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ประมาณ 1,000 เยนต่อ 1 วัน อย่างไรก็ตาม ควรตรวจสอบให้ดีก่อนด้วย เนื่องจากจำนวนเงินที่แสดงอยู่บนเว็บไซต์จะมีกรณีที่ทั้งรวมและไม่รวมค่าประกันภัย CDW ไว้ด้วยขึ้นอยู่กับแต่ละเว็บไซต์ ยกตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ Tabirai นั้น ราคาของรถเช่าทั้งหมดจะแสดงโดยรวมค่าเข้าร่วมประกันภัย CDW ไว้ด้วย

営業補償費 (NOC หรือ Non Operation Charge /เงินประกันชดเชยค่าเสียหายของรถเช่าในช่วงเวลาที่รถไม่สามารถใช้งานได้เนื่องจากต้องนำไปซ่อมแซมจากการเกิดอุบัติเหตุ ฯลฯ)

“休業補償費 (NOC / เงินชดเชยค่าเสียหายในระหว่างที่รถยนต์ใช้งานไม่ได้” นั้น เป็นค่าใช้จ่ายที่มีความหมายว่า “ในช่วงเวลาที่รถยนต์ที่ท่านเช่าไปไม่สามารถใช้งานได้เนื่องจากอุบัติเหตุ ผู้ใช้บริการก็ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งในฐานะค่าชดเชยด้วย” ซึ่งจะต้องชำระจำนวน 20,000 เยน หรือ 50,000 เยนขึ้นอยู่กับสภาพการณ์ของอุบัติเหตุ บริษัทรถเช่ารายใหญ่จะมีการจัดเตรียมประกันภัยอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเพื่อให้ผู้ใช้บริการไม่ต้องจ่ายค่า “เงินชดเชยค่าเสียหายในระหว่างที่รถยนต์ใช้งานไม่ได้ (NOC)” นี้อีก (มีการเรียกประกันนี้ว่า “ประกันชดเชย NOC” หรือ “ประกันหายห่วง” ด้วย) สำหรับผู้ที่ต้องการประกันภัยตัวนี้ สามารถแจ้งความประสงค์เข้าร่วมได้ที่สำนักงานของรถเช่า

* ในกรณีที่ชาวญี่ปุ่นเป็นผู้ใช้งานรถเช่า จะมีผู้ที่เข้าร่วมประกัน “免責補償制度 (CDW หรือ Collision Damage Waiver)” จำนวนมาก แต่ไม่ค่อยมีผู้เข้าร่วมประกัน 営業補償費 (NOC หรือ Non Operation Charge) สักเท่าไร แต่ประกันภัย “NOC補償保険 (Non Operation Charge)” นั้น ส่วนใหญ่ก็มักจะติดมาพร้อมกับบริการ “Road Service” (บริการเสริมเมื่อน้ำมันหมดระหว่างขับรถ หรือเปลี่ยนยางเมื่อยางแตก หรือเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ ฯลฯ) นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้าร่วม “NOC補償保険 (Non Operation Charge)” นั้นก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก

สถานที่คืนรถเช่าคือที่ไหน ? โดยพื้นฐานแล้วจะคืนที่สำนักงานที่เป็นจุดออกเดินทาง ยกเว้น ถ้าใช้บริการ “One way” ก็จะสะดวกสบายขึ้นเพราะสามารถคืนที่สำนักงานอื่น ๆ ได้

สำหรับจุดเช่ารถ (สำนักงานที่ออกเดินทาง) และจุดคืนรถเช่า (สำนักงานคืนรถ) นั้น จะกำหนดไว้ตอนที่ทำการเช่ารถ ตัวอย่างเช่น ในกรณีที่ขอเช่ารถที่สำนักงานใกล้ ๆ สนามบินชินชิโตะเซะ (New Chitose Airport) ในฮอกไกโด ตามปกติแล้วก็จะต้องคืนที่สำนักงานเดิม

อย่างไรก็ตาม ยังมีบริการ “One way” ที่จะสามารถคืนรถได้ที่สำนักงานอื่น ๆ ที่ไม่ใช่สำนักงานตอนเช่ารถ ซึ่งจะต้องระบุตอนที่ทำการจองออนไลน์ด้วย แม้อาจมีบางกรณีที่ต้องจ่ายค่าบริการเพิ่ม แต่ก็สะดวกสบายมากสำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนการเดินทางอย่างอิสระ ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีที่ขอเช่ารถที่สนามบินชินชิโตะเซะ (New Chitose Airport) ในฮอกไกโด ก็จะสามารถขอคืนรถได้ที่สนามบินอื่น ๆ ในฮอกไกโด หรือสถานีรถไฟ (เช่น สถานีรถไฟ Sapporo หรือ สถานีรถไฟ Asahikawa ฯลฯ)

จะดำเนินการรับรถได้อย่างไร ? ในกรณีที่ดำเนินการที่สนามบิน (หรือสำนักงานที่ใกล้กับสนามบินที่สุด) นั้นจะมีรถบัสรับส่งฟรี แต่ในกรณีของสถานีรถไฟ คุณจะต้องไปยังสำนักงานด้วยตัวเอง

ในกรณีที่ดำเนินการเช่ารถที่สนามบิน จะต้องขึ้นรถบัสรับส่งไปสำนักงานรถเช่าที่ใกล้กับสนามบินที่สุด ยกเว้นในกรณีที่ต้องการออกเดินทางโดยรถเช่าจากตัวสนามบินเลย สถานที่นัดพบกับบริษัทรถเช่านั้นจะมีกำหนดไว้ในแต่ละสนามบิน จึงควรตรวจสอบล่วงหน้า แต่ในกรณีปกติจะมีการจัดเคาน์เตอร์ของบริษัทรถเช่าไว้

อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่เลือกสำนักงานรถเช่าที่อื่นนอกจากสนามบิน (เช่น สำนักงานรอบ ๆ สถานีรถไฟ) โดยปกติแล้วคุณจะต้องเดินทางมายังสำนักงานด้วยตัวเอง ซึ่งสำนักงานที่อยู่รอบ ๆ สถานีรถไฟนั้น โดยพื้นฐานจะตั้งอยู่ในขอบเขตที่สามารถเดินไปได้จากสถานี

* เพื่อการดำเนินการที่ราบรื่น กรุณาพิมพ์หน้าจอแสดงการจองเสร็จสิ้นตอนที่จองออนไลน์, หมายเลขจอง และชื่อมาด้วย และควรบันทึกกันลืมเอาไว้ด้วยว่า “ได้ทำการจองรถเช่าผ่านบริษัทเช่ารถบริษัทไหน”, “โลโก้ของบริษัทรถเช่า” หรือ “ชื่อบริษัทภาษาญี่ปุ่นหรือภาษาอังกฤษ” เป็นต้น

กระบวนการหรือขั้นตอนในการขอเช่ารถยนต์มีอะไรบ้าง ? มีรายละเอียดสำคัญ 3 อย่างเมื่อจะทำการเช่ารถ

หลังจากคุณมาถึงสำนักงานของบริษัทรถเช่าที่เป็นจุดออกรถแล้ว จะต้องดำเนินการตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ในขั้นพื้นฐาน ซึ่งขั้นตอนที่สำคัญนั้นได้ระบุไว้ตามด้านล่างแล้ว

・ตรวจสอบใบอนุญาตขับขี่นานาชาติ และหนังสือเดินทาง
・ยืนยันข้อมูลการเช่า
・อธิบายระบบประกันภัย * เนื่องจากส่วนใหญ่จะไม่อธิบายอย่างละเอียด สำหรับผู้ที่กังวลควรตรวจสอบจากโฮมเพจล่วงหน้า
・ชำระค่าบริการเช่ารถ
・รับรถยนต์

* สำนักงานหลักใหญ่ ๆ จะมีผู้ใช้บริการชาวต่างชาติจำนวนมาก ส่วนใหญ่จึงจะมีเจ้าหน้าที่ที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้อยู่ด้วย แต่นอกเหนือจากนั้น ก็จะมีกรณีที่เจ้าหน้าที่จะอธิบายเป็นภาษาญี่ปุ่นพร้อมกับให้ดูเอกสารฉบับภาษาอังกฤษ หรือจะอธิบายด้วยภาษาอังกฤษที่ไม่คล่องแคล่วนัก

เรื่องที่สำคัญเป็นพิเศษ 3 อย่างเมื่อจะขอเช่ารถ
・สำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มประกันภัยเฉพาะทาง (ประกันชดเชย NOC / ประกันหายห่วง) ของบริษัทรถเช่าจะต้องแจ้งความประสงค์แก่เจ้าหน้าที่ในขั้นตอน “ยืนยันข้อมูลการเช่า” สำหรับขั้นตอนที่เพิ่มเข้ามาจะใช้เวลาไม่มาก
・ตรวจสอบช่องทางติดต่อในกรณีที่ประสบอุบัติเหตุ หรือช่องทางติดต่อในกรณีฉุกเฉิน แม้ว่าจะมีระบุไว้ในเอกสารที่ได้รับ แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุฉุกเฉิน ก็อาจจะไม่มีเวลามากพอให้ค้นหาก็ได้ ดังนั้นก่อนที่จะรับรถเช่า คุณควรตรวจสอบไว้ให้ดีว่าข้อมูลดังกล่าวระบุไว้ตรงไหน
・ต้องเติมน้ำมันก่อนคืนรถเช่าด้วย จึงควรสอบถามตำแหน่งของปั๊มน้ำมันที่อยู่ใกล้ ๆ กับจุดคืนรถไว้ล่วงหน้า (เช่น ที่อยู่, เบอร์ติดต่อหรือ MAPCODE ฯลฯ) ซึ่งก็อาจจะมีการจัดเตรียมเอกสารที่ระบุปั๊มน้ำมันใกล้ ๆ สำนักงานไว้ด้วย

กระบวนการหรือขั้นตอนในการคืนรถเช่ามีอะไรบ้าง ? ขั้นตอนการคืนรถนั้นไม่มีอะไรยุ่งยาก

ขั้นตอนการคืนรถเช่านั้นง่ายดายมาก เมื่อมาถึงจุดคืนรถแล้ว เพียงแค่บอกจุดประสงค์แก่เจ้าหน้าที่เท่านั้น เจ้าหน้าที่ก็จะมาตรวจสอบว่า มีรอยขีดข่วนที่เห็นชัดที่ตัวรถไหม หรือเติมน้ำมันเต็มถังหรือเปล่า หากไม่มีปัญหาใด ๆ ก็เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการคืนรถเช่า

ประเด็นที่ควรระวัง 2 ข้อ
・ควรเก็บใบเสร็จตอนเติมน้ำมันไว้โดยไม่ทิ้ง เพราะอาจจะต้องส่งมอบใบเสร็จแก่สำนักงานคืนรถด้วย
・ในกรณีของสำนักงานรถเช่าใกล้ ๆ สนามบิน ส่วนใหญ่จะมีการเตรียมรถบัสรับส่งจากสำนักงานถึงสนามบิน แต่อาจมีกรณีที่จะออกรถไปสนามบินเมื่อมีผู้ใช้บริการมารวมตัวกันจำนวนหนึ่งด้วย จึงควรคืนรถเช่าโดยเผื่อเวลาไว้ให้เพียงพอสำหรับการเดินทางด้วยเครื่องบิน

เมื่อจะคืนรถเช่า ต้องคืนพร้อมน้ำมันเต็มถัง

เมื่อจะคืนรถเช่า ต้องคืนพร้อมน้ำมันเต็มถัง ด้วยเหตุนี้ ก่อนที่จะคืนรถเช่าจึงจำเป็นต้องเติมน้ำมันให้เต็มถังที่ปั๊มน้ำมันเสียก่อน ยกเว้นกรณีแพ็คเกจพิเศษที่ระบุว่า “ไม่จำเป็นต้องคืนพร้อมน้ำมันเต็มถัง” เมื่อจะส่งคืนรถเช่า ส่วนใหญ่จะมีการยื่นใบเสร็จค่าน้ำมันเป็นเอกสารยืนยันด้วย จึงควรเก็บไว้โดยไม่ทิ้ง

* สำนักงานเช่ารถบางแห่งใน Hokkaido และ Okinawa นั้น จะมีสำนักงานที่ไม่ต้องคืนรถพร้อมน้ำมันเต็มถังด้วย แต่ก็จะมีการคิดเงินค่าน้ำมันเพิ่มที่จุดคืนรถ ซึ่งจะคำนวนค่าน้ำมันโดยวัดจากระยะทางเป็นหลัก ซึ่งอาจจะมีราคาสูงกว่ากรณีที่เติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันด้วย